Monday, October 08, 2007

Decorate with Fondant Marshmallow

http://www.michellesugarart.co.uk/
http://whatscookingamerica.net/PegW/DecoratingFondantQA.htm
http://whatscookingamerica.net/PegW/Fondant.htm
http://ezinearticles.com/?How-to-Make-a-Baby-Shower-Fondant-Cake&id=327740
http://www.videojug.com/film/how-to-make-chocolate-fondant
http://www.flickr.com/photos/santos/1244830367/
http://www.wilton.com/forums/messageview.cfm?catid=7&threadid=77236
http://gallery.weddingsquare.com/wedding/decoration/siamwedding/wedding+cakes/c23.jpg.html
http://akshayapatra.blogspot.com/2006/08/my-first-fondant-cake.html
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=wistakitchen&group=21
http://wordpress.com/tag/fondant/
http://www.globalfoodie.com/SweetConfections.html
http://www.wikihow.com/Make-Fondant-from-Marshmallows
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2007/07/D5618945/D5618945.html
http://www.thepieceofcake.com/Birthday/index.html
http://makecupcakesnotwar.blogspot.com/2007/09/how-to-make-fondant-bow.html
http://www.ladycakes.com/fondant_rose.htm
http://www.sugarcraft.com/catalog/misc/lessons/basiclessons2.htm

Recipe&Menu (from website)

http://www.alpinelace.com/
http://www.hormel.com/kitchen/glossary.asp?listkey=A
http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.deforesthospitality.com/gb/images/GB-Lunch-Menu.jpg&imgrefurl=http://www.deforesthospitality.com/gb/menu.html&h=1010&w=697&sz=288&hl=en&start=7&um=1&tbnid=uU3PEjtRp-_r4M:&tbnh=150&tbnw=104&prev=/images%3Fq%3Dlunch%2Bmenu%26svnum%3D10%26um%3D1%26hl%3Den
http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.velvetgrill.net/l08.jpg&imgrefurl=http://www.velvetgrill.net/menul.php&h=360&w=480&sz=50&hl=en&start=35&um=1&tbnid=QjX1jYOJWHptSM:&tbnh=97&tbnw=129&prev=/images%3Fq%3Dlunch%2Bmenu%26start%3D20%26ndsp%3D20%26svnum%3D10%26um%3D1%26hl%3Den%26sa%3DN
http://www.cocktailthai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=220521&Ntype=3
http://www.drinksmixer.com/cat/2/
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beebie
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=kittscake&group=2
http://www.britishsugar.co.uk/RVE1f7b388f1e834c3a88cc017dce70a0af,,.aspx
http://kaew.blogsome.com/2006/04/10/tiramisu/
http://allrecipes.com/
http://www.incredibleegg.org/
http://www.bbc.co.uk/food/recipes/
http://allrecipes.com/Recipes/Desserts/Cakes/Main.aspx
http://www.sainsburys.co.uk/food/mealideas/Feedingyourfamily/lunchbox_ideas/healthier_lunchbox.htm
http://www.delicook.com/
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pookhakae&group=17
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=somhom&group=1
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kofschip&month=12-2005&date=24&group=10&gblog=3

http://www.asknumbers.com/
http://www.deliaonline.com/recipes
http://www.waitrose.com/food/cookingandrecipes/recipesofthemonth.aspx

Friday, December 22, 2006

White Chocolate Oreo Mousse




ขออนุญาตคุณแมว (Kitty.tass) จาก pantip เอาสูตรและวิธีทำ รวมทั้งรูปภาพมาเก็บไว้ใน blog นะคะ
เอาไว้ลองหัดทำ

สูตร
โอริโอ้ 1 แพ๊ค(ในแพ๊ค มี 2 ห่อ)
ไวท์ชอค 330 กรัม(ซื้อที่ top ทั้งถุงน้ำหนัก 400 กรัมแมวใส่หมดเลย)
เนยละลาย 6 ชต.(ประมาณ 85 กรัม)
นมจืด 1+1/4 ถ้วยตวง
วิปปิ้งครีม 2 ถ้วยตวง
เจลาติ ผง 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

1.โอริโอ้ เอาไส้ครีมออกให้หมด แล้วบดให้ละเอียดผสมกับเนยละลาย แล้วนำไปบุในพิ่มพ์เค้กขนาด 2 ปอนด์(ต้องเป็นพิมพ์เค้กที่ถอดก้นได้นะ) แล้วนำไปแช่ตู้เย็น ช่องธรรมดา

2.เทนมข้นจืดใส่หม้อ ใส่ผงเจลาติน คนให้เข้ากัน แล้วค่อยนำไปตั้งไฟ อ่อนๆ คนตลอดเวลา จนเจลาตินละลายหมด ปิดไฟ ยกออกจากเตาเลยนะ

3.ใส่ ไวท์ชอคลงไปในหม้อ แล้วคนให้ละลายจนส่วนผสมเข้ากัน แล้วเอากะละมังใส่น้ำแข็งนำหม้อวางบนน้ำแข็ง ยังคนส่วนผสมอยู่ตลอด จนเห็นว่า ส่วนผสมในหม้อ เข้มข้นเหมือนกับ นมข้นหวาน ก็พักไว้ แล้วหันมาตี วิปปิ้งครีมได้เลยค่ะ ตีวิปปิ้งครีม จนตั้งยอดอ่อนๆ แล้วก็นำส่วนผสมในหม้อมาผสมร่วมกับวิปปิ้งครีมได้เลยคะ

4. ถึงตอนนี้ ใครอยากจะใส่อะไร ลงไปในส่วนผสมก็ได้ จะเป็น เนื้อโอริโอ้เป็นชิ้นๆ หรือ สตอรเบอร์รี่ หรือ ผลไม้ใดๆ ก็ได้ที่ชอบทาน

5.นำส่วนผสมที่เป็นมูส เทใส่ในพิมพ์ที่เรา บุโอริโอ้ไว้ ใส่ให้เต็มพิมพ์เลยนะค่ะ แล้วก็แช่เย็นต่ออีก อย่างน้อย 6 ชั่วโมง หรือ ข้างคืนก็ได้คะ ไว้กินตอนเช้า เท่านี้ เราก็จะได้กิน White Chocolate Oreo Mousse Cake จากฝีมือเราเองแล้วค่ะ


Cup Cake and more cake

ไปเจอใน pantip จำไม่ได้ว่าคุณอะไรมาโพสต์ไว้
ขอเอามาเก็บไว้ใน blog นะคะ เอาไว้ลองหัดทำ

http://bossacafez.blogspot.com/
http://chockylit.blogspot.com/
http://www.flickr.com/groups/cupcakestakethecake/pool/
http://www.flickr.com/photos/bossacafez/325639010/

Friday, December 15, 2006

website สอนทำอาหารของ Kraft

Thursday, November 09, 2006

Tiramisu สูตร 2

ส่วนผสม
◊ มาสคาโปนชีส (mascarpone cheese) ๕๐๐ กรัม
◊ ไข่ ๓ ฟอง
◊ น้ำตาลทราย ๖ ช้อนโต๊ะ
◊ กาแฟชงข้นๆ ๒ ถ้วย แล้วใส่น้ำตาลให้หวานนิดๆ ห้ามหวานมาก
◊ savoiardi cookies (ladyfingers) ๑ ห่อ (เลือกยี่ห้อที่แข็งๆหน่อยค่ะ หนาด้วย)
◊ โกโก้ผงแบบไม่หวาน ๓ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
◊ แยกไข่แดงกับไข่ขาว ตีไข่แดงกับน้ำตาล ๓ ช้อนโต๊ะจนเนียนฟู ค่อยๆใส่ชีสลงไปผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว

◊ ตีไข่ขาวกับน้ำตาล ๓ ช้อนโต๊ะจนไข่ขาวตั้งยอด ระหว่างที่ตีให้ใส่เกลือลงไปนิดนึงด้วยนะคะ ประมาณ a pinch of salt
◊ เอาส่วนผสมชีส ค่อยๆใส่ลงไปในส่วนผสมไข่ขาว แล้วค่อยๆตะล่อม (fold) เข้าด้วยกันเบาๆ แล้วนำไปแช่ในตู้เย็น
◊ จุ่ม ladyfinger ทีละชิ้นในกาแฟ ด้านละ ๑ วินาที แล้วเอามาเรียงในถาดให้เต็ม

◊ ตักส่วนผสมชีสที่แช่เย็นไว้ใส่บน ladyfingers ให้ท่วม แล้วเอา plastic wrap ปิดไว้ แช่ตู้เย็นอย่างน้อย ๒ ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกิน ๘ ชั่วโมง
◊ ก่อนเสริฟ โรยหน้าด้วยผงโกโก้
◊ ถ้าชอบ จะใส่ coffee liquor หรือ marsala wine ลงในกาแฟก็ได้ค่ะ

Tiramisu สูตร 1

ส่วนผสม
◊ กาแฟต้มอย่างเข้ม ๒ แก้ว ทิ้งกาแฟไว้ให้เย็นก่อน
◊ ไข่ไก่ ๓ ฟอง
◊ น้ำตาลทราย ๗๐ กรัม
◊ เหล้าอิตาเลี่ยน ๒-๓ ช้อนโต๊ะ
◊ เนยมาสคาร์โปเน่ ๕๐๐ กรัม
◊ บิสกิต (ขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์)

วิธีทำ
1. ตีไข่ไก่ ๓ ฟอง (ไม่ต้องแยกแดง-ขาว) กับน้ำตาล ๗๐ กรัม ตีด้วยสปีดแรงสุด ๕ นาที จนมันขึ้นฟูเป็นเนื้อครีมราวๆนี้

2. กาแฟเย็นแล้ว เติมเหล้าอิตาเลี่ยนยี่ห้อนี้ ๒-๓ ช้อนโต๊ะ (ว่ากันตามสูตรแท้ๆ ของอิตาเลี่ยนเขา) แต่ถ้าใครไม่มีเหล้าอิตาเลี่ยนติดบ้าน จะใช้คาลัวหรือลิเคอร์อะไรก็ได้ที่กลิ่นหอมและที่ชอบ ใครไม่ชอบกลิ่นเหล้าก็ไม่ต้องใส่นะคะ


3. จากนั้นก็เอาเนยมาสคาร์โปเน่ ๕๐๐ กรัมเทลงไปตีรวมในชามไข่กับน้ำตาลที่ตีไว้ ตักกาแฟที่ผสมเหล้าใส่ลงไปด้วย ๖ ช้อนโต๊ะ ๖ ช้อนนี้แหละที่จะทำให้เนื้อครีมจะหอมมากๆ เหมือนเวลาเราทำเค้กแล้วเราจะใส่กลิ่นวานิลลาไง

4. ถึงขั้นตอนสำคัญของการทำทีรามิสุแบบไม่ให้พลาดนะคะ ในช่วงที่ตีเนยมาสคาร์โปเน่นี้ ให้ใช้สปีดต่ำที่สุด และตีแค่เนื้อเนยพอเนียน (ราวๆ ๒ นาที) ใครกลัวมือหนักไป ให้ใช้ตะกร้อมือตีแทนเลย ลักษณะของเนื้อครีมจะข้นราวๆ นี้เท่านั้น ถ้าใครตีสปีดเร็วและตีนานเกินไป จะไม่ได้เนื้อครีมข้นแบบนี้ เนยจะเหลวไปเลย


5. และอีกจุดที่สำคัญ ในระหว่างที่มาเรียงชั้นบิสกิต ให้เอาครีมที่ตีปิดฟอยล์เข้าตู้เย็นทันที ห้ามวางรอไว้ข้างนอก เพราะเนยมีสิทธิ์คืนตัวมาเหลวได้อีกเช่นกัน ถ้าอากาศร้อน (ยิ่งสำคัญนัก)

6. ทิปเล็กๆน้อยๆในการจุ่มบิสกิตกับกาแฟเพื่อเรียงใส่ถาดหรือภาชนะที่ทำ คือให้จุ่มด้านที่โรยน้ำตาลลงไปแค่ครึ่งเดียว ให้เนื้อบิสกิตซึมกาแฟเข้ามาไม่ต้องเต็ม (แค่ครึ่งเดียว) แล้วยกขึ้นก่อนหน้านั้นมันจะไม่แตก เอามาเรียงลงพิมพ์ บิสกิตจะอิ่มกาแฟพอดี ไม่มีเละค่ะ

7. เรียงบิสกิตในภาชนะ ภาชนะสี่เหลี่ยมทำ เพราะมันเรียงชั้นได้ลงตัว แล้วลงครีมสลับกันไป

ภาชนะปากกว้างทรงไม่สูง จะเรียงได้ราวๆ สองชั้น ถ้าทำใส่ถ้วยแก้วทรงสูงก็อาจจะได้สัก ๓ ชั้น

ลงครีมชั้นบนแล้วจะทำ texture เล่นบ้างก็ได้ เวลาโรยโกโก้แล้วมันจะได้ผิวมันจะได้ไม่แบนเรียบเกิน (อันนี้แล้วแต่สนุก)

8. แช่ตู้เย็นไว้ ๑ คืน ตื่นเช้ามาก็จะได้เนื้อขนมทีรามิสุที่อร่อยทรงตัว ถ้าใครชอบเนื้อไอติม ก่อนเอามาเสริฟกินก็เข้าช่องแข็งไว้สัก ๑-๒ ชั่วโมงจะยิ่งอร่อยค่ะ

Monday, October 02, 2006

Break Ham

ไปเจอสูตรทำ Break Ham มาค่ะ เห็นเค้าวางขายใน supermarket ชิ้นนึงแพงเหมือนกัน
ไม่กล้าซื้อกิน กลัวอร่อยไม่คุ้มราคา เห็นสูตรนี้เลยเอามาลองทำดู อืมมม..อร่อยใช้ได้
สำหรับคนชอบขนมปังและชีส...อย่างเรา

ส่วนผสม
1. ขนมปังแซนด์วิชตัดขอบ
2. เนยสดรสเค็ม วันที่ทำ ใช้รสจืดค่ะ แบ่งส่วนหนึ่งสำหรับผสมในไข่ อีกส่วนสำหรับทอดขนมปัง
3. กลิ่นวนิลา
4. ไข่ไก่
5. นมข้นจืด วันที่ทำไม่มี เลยไม่ได้ใส่ แต่รสชาติก็โอเคนะคะ
6. ชีส
7. มายองเนสหรือน้ำสลัด วันที่ทำ ก็ไม่ใส่ เพราะไม่มีอ่ะค่ะ
8. แฮมหรือปลาทูน่า
9. เกลือ



วิธีทำ
1. ตัดขนมปังและแฮมเป็นรูปแบบตามชอบ แต่เพิ่งเริ่มทำเลยตัดเป็นเหลี่ยม ๆ ค่ะ (ไม่ได้ชอบคนหน้าเหลี่ยมนะคะ) ได้แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า (ยาว) และสีเหลี่ยมจตุรัส นำทั้งหมดมาประกบเข้าด้วยกัน ตามสูตรเค้าแนะนำให้ใช้มายองเนสหรือน้ำสลัดเป็นตัวประสานขนมปัง แต่เราใช้วิธีตอนที่เอาขนมปังชุบไข่ ใช้มือบีบ ๆ ตรงขอบให้มันติดกันเองโดยไข่เป็นตัวประสาน



2. ทีนี้มาดูวิธีผสมไข่สำหรับชุบค่ะ ขั้นแรก ละลายเนยก่อนค่ะ เราใช้ละลายโดยไมโครเวฟ..แป๊บเดียวเองค่ะ หลังจากนั้นก็ตอกไข่ใส่ชาม ไอ้ที่เห็นดำ ๆ ข้างไข่นั่นคือวานิลาค่ะ หยดลงไปสัก 2-3 หยด เพื่อเพิ่มความหอมค่ะ เกลือเล็กน้อย (จะเห็นจุดขาว ๆ บนไข่) แล้วก็..ตีไข่ค่ะ แล้วเติมเนยลงไป ตีให้เข้ากัน




3. มาเริ่มขั้นตอนการทอดแล้วค่ะ เอาขนมปังมาชุบกับไข่ที่เราผสมไว้แล้ว ชุบให้ทั่ว ๆ นะคะ
พลิกซ้ายพลิกขวา หกคว่ำขะมำหงาย ตั้งเตาใช้กะทะเทฟล่อนนะคะ จะได้ไม่ติดกะทะ เอาขนมปังที่แปลงร่างแล้วลงทอด ใช้ไฟอ่อน ๆ ค่ะ คอยกลับไปเรื่อย ๆ จะได้ขนมปังสีเหลืองสวย แต่ในรูปมันจะออกดำหน่อย ๆ ของจริงเหลืองน่าทานค่ะ




ทอดเสร็จแล้ว นำมาจัดใส่จาน...จะทานเปล่า ๆ หรือทานคู่กับสลัดผักแก้เลี่ยนก็ได้ค่ะ

Tuesday, September 19, 2006

Smoothy Pineapple

Smoothy Banana

Smooty Strawberry

Smoothy Fruits




ส่วนผสม
มะม่วง 1/2 ผล (1 ถ้วยตวง)
มะเฟืองขนาดกลาง 1 ผล
น้ำส้ม 1/2 ถ้วย
โยเกิร์ตรสวานิลา หรือธรรมชาติ 1/3-1/2 ถ้วย

วิธีทำ
ล้างผลไม้ให้สะอาด มะม่วงปอกเปลือกเอาแต่เนื้อ หั่นเป็นชิ้น
มะเฟืองหั่นเป็นชิ้นเอาเม็ดออก ใส่ทุกอย่างลงในเครื่องปั่น
ปั่นส่วนผสมให้เข้ากันจนเนียน เทใส่แก้วเสิร์ฟได้ทันที


Friday, September 15, 2006

Panna Cotta ..Thai Version

สูตรของแม่ปูฯ แห่ง pantip.com ห้องอาหารการกินค่ะ

Panna Cotta

ส่วนผสม
เฮฟวี่ครีม ๒ ถ้วย
น้ำตาล ๑/๒ ถ้วย
เกลือ ๑/๘ ช้อนชา
เจลาตินผง ๑ ซอง (๒ ๑/๔ ช้อนชา)
ผิวเลมอนสดขูดจากผลเลมอน ๑ ลูก
วานิลาแอ๊คแทรค ๑ ช้อนชา
ซาวครีม ๑/๒ ถ้วย(๔ ออนซ์)
เหล้ารัม ๑ ช้อนโต๊ะ

**เฮฟวี่ครีม บางทีแม่ปูก็ผสมนมกับครีมอย่างละส่วนก็ได้ค่ะ
**น้ำตาล ถ้าเกรงว่าจะหวานไปก็ลดลงเหลือ ๑/๓ ถ.แต่แม่ปูว่าพอดี
**เหล้ารัม หรือผิวส้ม ถ้าไม่มีไม่ใส่ก็ได้ค่ะ ถ้าใส่กลิ่นก็หอมเข้มดีค่ะ
**ถ้าไม่มีซาวครีม ใส่โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนได้ค่ะ

วิธีทำ Panna Cotta

๑. นำน้ำเย็นใส่ถ้วยเล็กๆ ค่อยๆเทผงเจลลาตินลงไปในน้ำเย็น พักไว้ประมาณ ๕ นาที
๒. ผสมครีม น้ำตาล เกลือ วานิลา ผิวเลมอน ใส่ลงไปในหม้อ
๓. นำหม้อครีมตั้งบนเตา เปิดไฟปานกลาง คนส่วนผสมครีมเป็นระยะๆ
๔. เมื่อส่วนผสมครีมร้อนจัดเริ่มจะเดือดก็ให้ยกหม้อลงจากเตา
ตอนนี้จะกรองเอาผิวเลมอนออกจากครีมซะก่อนก็ได้ค่ะ
๕. ใส่เหล้ารัม และเจลาติน ลงไปในหม้อครีม คนให้เจลาตินละลาย
๖. ค่อยๆเทส่วนผสมครีมลงในซาวครีม คนให้ส่วนผสมเข้ากัน

พิมพ์จะใช้ถ้วยซูเฟล่ หรือ พิมพ์พาสติกก็ได้ค่ะ ถ้าถ้วยพาสติก็ดูด้วยว่าทนความร้อนได้ขนาดไหน
ถ้าพิมพ์ทนความร้อนได้ดีก็เทครีมลงไปได้เลย ถ้าไม่ก็รอให้ครีมอุ่นขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเทลงไป
เมื่อเทใส่พิมพ์แล้วก็ปิดฝา หรือหาพลาสติกคลุม จึงนำเข้าตู้เย็น ปล่อยทิ้งให้แพนนา คอตต้า อยู่ตัวใช้เวลาประมาณ ๔-๖ ชั่วโมง ใครจะทำค้างคืนไว้ก็แล้วแต่สะดวกค่ะ ใส่แพนนา คอตต้าไว้ในตู้เย็นแล้ว ก็มาทำซ้อสกันค่ะ

วิธีทำซ้อส
วันนี้แม่ปูทำอย่างง่ายยยยสุดๆค่ะ พอดีหาซื้อราสเบอร์รี่สดไม่ได้ ก็เลยซื้ออย่างแช่แข็งมา ราคาถูกกว่าแบบสดตั้งเยอะ
ราคาถูกกว่ากัน ก็ยังแพงอยู่นาแม่ปูว่านา แหะๆ เลยซื้อ Raspberry Preserve มาเสริมด้วย อร่อยใช้ได้เชียวค่ะ
ใช้ Raspberry Preserve ทำซ้อส เราก็ไม่ต้องใส่น้ำตาลอีกแล้ว แค่ตัก Raspberry Preserve ใส่หม้อ
เทไวน์แดงลงไป เคี่ยวไปสักพัก ให้ Raspberry Preserve กับไวน์ละลายเข้ากัน แล้วก็เอามากรองเอาเม็ดออก
เทกลับใส่หม้ออีกครั้ง จากนั้นก็เทราสเบอร์รี่แช่แข็งลงไปใส่ซ้อส อุ่นให้ร้อนอีกสักแป๊บเดียวก็ยกลงเทใส่ภาชนะ
อย่าเคี่ยวนาน เดี๋ยวราสเบอร์รี่เละหมด เสร็จแล้ว เอาไว้ราดกับแพนนา คอตต้า สีสวยๆ อร่อยมาก กินจนลืมอ้วนเลยค่ะ
อยากจะบ้า อร่อยเหลือเกิน..

จดสัดส่วนให้สักหน่อยนะคะ

Raspberry Preserve ๑ ถ้วย ไวน์แดง ๑/๒ ถ้วย ราสเบอร์รี่สด หรือแช่แข็ง ปริมาณตามความพอใจ

ผสมสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน ตั้งไฟ คนให้Raspberry Preserve ละลายเข้ากันกับไวน์
จากนั้นใครจะนำไปราดแพนนา คอตต้า แล้ววางราสเบอร์รี่สดลงไปทานคู่กันก็ได้
ถ้าซื้อแช่แข็งมาก็ทำตามที่แม่ปูกล่าวไว้ข้างบนนะคะ

เวลาเอาแพนนา คอตต้าออกจากพิมพ์ ให้แซะขอบนิดนึง แล้วนำไปแช่ในน้ำร้อนสัก ๕ วินาที
ขนมจะละลายนิดนึงค่ะ แล้วรีบยกออก คว่ำใส่จานเสิร์ฟ ใครชอบเปล่าๆก็ทานเปล่าๆ
ใครชอบราดซ้อสก็ราดไปได้เลยตามชอบ ใครไม่อยากจัดใส่จานจะทานขณะขนมอยู่ในพิมพ์ก็ได้ ตามใจผู้ชอบก็แล้วกันนะ

*************************
2 สุตรดัดแปลงนี้ จำชื่อเจ้าของไม่ได้ค่ะ ต้องขออภัยนะคะ

Panna Cotta สูตรดัดแปลง 1

- วิปปิ้งครีม 2 ถ้วย (ใช้ครีมแท้ชนิดวิปปิ้งครีม ของโฟร์โมสต์ กล่องสีเหลือง)
- นม 1 ถ้วย ( เท่ากับนมกล่องขนาด 250 ml. 1 กล่องค่ะ นมโฟร์โมสต์)
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย ( แต่วันนี้น้ำตาลทรายหมด เลยต้องใช้น้ำตาลทรายแดงแทน )
- กลิ่นวนิลา 1/2 ช้อนชา- น้ำอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ- ผงเจลาติน 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ :
- นำวิปปิ้งครีม + นม + น้ำตาล + วนิลา มาใส่รวมกันในหม้อ นำไปตั้งไฟปานกลาง คนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย แล้วต้มต่อจนเดือด เสร็จแล้วปิดเตา ตั้งพักไว้ค่ะ
- นำเจลาตินกับน้ำอุ่นมาผสมกัน คนให้เจลาตินละลาย
- ตักครีมในหม้อมาใส่ในถ้วยเจลาตินทีละช้อน แล้วคนให้เข้ากัน สัก 3-4 ช้อนโต๊ะ( ขั้นตอนนี้ทำเพื่อให้เจลาตินกับตัวครีมเข้ากันดีค่ะ ^^ )
- เทเจลาตินที่ผสมแล้วลงไปในหม้อครีม
- เทส่วนผสมที่ได้ลงพิมพ์ตามใจชอบค่ะ แต่เราไม่มี ก็เลยเอาใส่ถ้วยเล็กใสๆ แทน
- นำไปแช่ตู้เย็นไว้ 4-6 ชั่วโมงค่ะ

ต่อไปเป็นส่วนผสมของ Strawberry Coulis ค่ะ :
- สตรอเบอร์รี่สด 500 กรัม ล้างให้สะอาดพักไว้ให้แห้ง แล้วหั่นลูกนึงเป็นสี่ส่วน
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย- น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย

วิธีทำ :
- นำสตรอเบอรี่ + น้ำตาล + น้ำเปล่า ใส่ในหม้อแล้วนำไปตั้งไฟปานกลาง
- ต้มไปเรื่อย ๆ จนกว่าสตรอเบอรี่จะเปื่อยตามต้องการ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
- เสร็จแล้วยกออกจากเตา ตั้งไว้ให้เย็นลง นำไปแช่ตู้เย็นเก็บไว้ราดหน้าขนมตอนเสิร์ฟ
จากนั้นเราก็ไปนอนระทึกใจ 1 คืน รอดูผลตอนเช้าค่ะ แหะๆ


Panna Cotta สูตรดัดแปลง 2

ส่วนผสม
เนื้อครีม (adapted from Joanne Weir's)

1. น้ำเปล่า(เย็น) 2 ช้อนโต๊ะ
2. ครีมหนัก 1 1/2 ถ้วย
3. นมสด 1/2 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือ นิดหน่อย (คือใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งจีบเข้าหากันแล้วหยิบขึ้นมาสักหน่อย)
6. วานิลลา ประมาณ 1 ช้อนชาค่ะ (สูตรเดิมใช้เป็นวานิลลาแบบฝัก 2 ฝักค่ะ)
7. ผงเจลาติน 2 1/4 ช้อนชา (สูตรเดิมใช้ 1 3/4 ค่ะ)

ซอสเยลลี่
1. ผลไม้กระป๋อง ประมาณ 1 กระป๋องเล็ก
2. ผงเยลลี่สตรอเบอร์รี่สำเร็จรูป 1/2 กล่อง
3. น้ำเปล่า 2 ถ้วย

อุปกรณ์หม้อหรือกะทะ แนะนำให้ใช้แบบเคลือบหรือเทปล่อน

วิธีทำเนื้อครีม
1. นำผงเจลาตินละลายในน้ำเย็น คนจนเข้ากัน ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีผงเจลาตินจะดูดน้ำจนข้นเหนียว
2. ใส่นม ครีม น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ เกลือและวานิลลาลงไปในหม้อ คนเล็กน้อยแล้วนำไปตั้งไฟค่อนข้างแรงจนเริ่มมีฟองเดือดผุดขึ้นตามขอบ ลดเป็นไฟเกือบอ่อน(ถ้าเตาของใครไฟไม่แรงก็ให้ใช้ไฟปานกลาง) ต้มให้เดือดต่อไปอีก 1 นาที ระหว่างนี้ให้คอยคนส่วนผสมตลอด
3. ยกส่วนผสมลงจากเตา ค่อยๆผสมน้ำตาลอีก 1 ช้อนโต๊ะที่เหลือและเจลาตินลงไป คนให้เข้ากัน
4. ตั้งทิ้งไว้ให้หายร้อน นำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 30 นาที (เปลี่ยนภาชนะใส่ได้) สำหรับพิมพ์ใส่ขนมถ้าอยากให้ถอดขนมออกง่ายๆให้นำไปผ่านน้ำ จับวางคว่ำลงบนถาดแล้วนำเข้าตู้เย็นเช่นกัน (อย่างไรก็ดี ผู้เขียนไม่เคยทำสำเร็จตามที่เขาแนะนำมา จึงแก้ปัญหาโดยการใช้พิมพ์แบบตักทานเลย)
5. นำส่วนผสมออกมาแล้วตักใส่พิมพ์ ใช้เวลา 3-5 ชั่วโมงก็จะแข็งตัวพอดี "ห้ามเอาเข้าช่องแช่แข็งเด็ดขาด" เพราะจะทำให้เนื้อครีมกลายเป็นไอสครีมหวานเย็นไป

วิธีทำซอสเยลลี่
1. นำผงเยลลี่และน้ำ(ร้อนหรืออุ่น)ใส่ลงไปในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลาง
2. เมื่อเยลลี่ละลายดีแล้ว ใส่ผลไม้กระป๋องลงไปโดยใส่น้ำเชื่อมลงไปด้วย ตั้งไฟต่ออีกประมาณ 5 นาที
3. ยกลงจากเตา พอหายร้อนให้เทเยลลี่ใส่ภาชนะสำหรับเก็บ "ห้ามเอาเข้าตู้เย็นเด็ดขาด" (เยลลี่จะมีลักษณะค่อนข้างเหลวมาก ไม่ต้องตกใจ)

วิธีเสิร์ฟนำซอสเยลลี่เข้าตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 15 นาที แล้วตักราดลงบนแปนนาคอตต้า ความเย็นของเนื้อขนมจะช่วยทำให้ซอสเหลวๆข้นขึ้นมาอาจเสิร์ฟพร้อมกับครีมสดหรือผลไม้สดก็ได้ค่ะ

****พิเศษสำหรับคนที่กำลังลดน้ำตาลหรือกลัวอ้วน****
สามารถใช้น้ำตาลเทียมแทนน้ำตาลจริงๆได้ค่ะ ที่เราเคยทำคือใช้ประมาณ 2 ซอง เวลาใส่ให้ใส่หลังจากนำส่วนผสมลงจากเตาแล้ว ใส่ไปพร้อมกับพวกเจลาตินน่ะค่ะ (เพราะน้ำตาลเทียมตั้งไฟไม่ได้นะ จะกลายเป็นของขมๆไปเลย)

****ถ้าใครอยากลองทำรสอื่นๆดูก็ได้นะคะ เราเคยลองทำรสโกโก้ดู ใช้โอวัลติน/ไมโลประมาณ 4 ช้อนทานข้าวโตๆ กับผงโกโก้อีกนิดหน่อย แต่ยังไม่ได้สูตรตายตัวนะคะ ใครอยากทำก็ลองปรับเอาเองละกันค่ะ****

Thursday, September 14, 2006

Topping Variations :





Strawberries and Balsamic Vinegar

2 (1-pint) baskets strawberries, hulled, thinly sliced
3 tablespoons balsamic vinegar
1 tablespoons sugar
1/2 teaspoon freshly ground black pepper

Toss strawberries, balsamic vinegar, sugar, and pepper in a large bowl to combine. Let stand 30 minutes, tossing occasionally. Spoon strawberries over and around the panna cotta and serve.

Cranberry-Orange Sauce

3/4 cup fresh orange juice
1/4 cup fresh or unthawed frozen cranberries
1 1/2 tablespoons sugar

In a small saucepan simmer orange juice, fresh or frozen cranberries, and sugar, stirring occasionally, until cranberries are softened, about 7 minutes. In a blender, puree mixture until smooth (use caution when blending hot liquids). Pour sauce through a sieve into a small bowl, pressing hard on solids, and discard solids. Cool sauce. Sauce may be made 2 days ahead and chilled, covered. Spoon Cranberry-Orange Sauce over and around the panna cotta and serve.


Blueberry Sauce

1 cup water
1 cup sugar
2 1/2 cups fresh blueberries
1 tablespoon vanilla extract
1 teaspoon balsamic vinegar

In a saucepan over medium heat, combine water and sugar. Stir and cook until sugar dissolves. Increase heat to medium-high and bring to a slow boil; continue cooking, stirring occasionally, until mixture is reduced by half. Remove from heat and stir in balsamic vinegar.
In a food processor or blender, add blueberries and process until a chunky puree. Add blueberries puree into the hot syrup. Cover and refrigerator until ready to serve.
When ready to serve, spoon Cranberry-Orange Sauce over and around the panna cotta and serve.

Panna Cotta

yesterday i try to cooked Panna Cotta ...



Panna cotta is an Italian phrase, literally translating to "cooked cream"; it generally refers to a creamy, set Italian dessert from the Northern Italian region of Piedmont. It is not generally known exactly how or when this dessert came to be, but some theories estimate that cream (for which this region is famous) was historically eaten plain or sweetened with fruit. After years this treat evolved into what is now a gelatin-thickened custard, flavored with vanilla, fruit, or spices and served chilled. : Wikipedia Encyclopedia

Panna Cotta literally translates as "cooked cream" in Italian. These softly set and creamy Italian puddings are so silky-smooth they slip down beautifully at the end of a meal. Perfect served with fresh berries or fruits according to the season. They are also perfect for dinner parties because they can be made a day or two in advance and kept refrigerated until ready to be served.

u can see how they're delicious ...or ..something happened.. !!!!

Recipes



1 envelope of unflavored gelatin (approx. 2 teaspoons)
1/2 cup milk
2 1/2 cups heavy cream*
1/2 cup sugar
1 vanilla bean or 2 teaspoons pure vanilla extract
1 cup fresh berries, gently washed, drained, and sweetened to taste**
6 sprigs fresh mint

Half & half, buttermilk, whole milk, and/or sour cream may be substituted for part of the cream.

**Any assortment of fresh, seasonal fruit may be served with panna cotta, but berries are especially nice. To use other ripe, soft fruits, such as cherries, peaches or apricots, just remove the stones and peels as necessary and cut them into thin slices or bite-size pieces.

Cooking
In a small bowl, sprinkle the gelatin over 1/2 cup milk; let stand until the gelatin is softened, about 5 minutes



In a large saucepan, combine heavy cream and sugar. Add vanilla extract or vanilla bean. If using a vanilla bean, slice the bean lengthwise and scrape out seeds into cream (add whole bean to cream for additional flavor). Bring cream just to a simmer (do not let it boil), whisking occasionally until sugar has completely dissolved; remove from heat and remove vanilla bean pod. Add the softened gelatin mixture and whisk to completely dissolve the gelatin.

Strain hot cream mixture into a large glass measuring cup with a pouring spout; pour into ramekins or custard cups. NOTE: Don't skip the straining step as it removes any bits of undissolved gelatin and insures a nice smooth dessert. Also, don't let the cream mixture cool before straining. If using a vanilla bean, lightly swirl the cream to distribute the seeds evenly. Refrigerate for at least 3 hours or overnight.

To unmold and serve, carefully dip bottom of each ramekin in a baking pan of hot water briefly. Run a thin knife around edge of each ramekin to loosen it from the inside of the bowl. Wipe the outside of the mold dry and place on individual chilled serving plate (topside down). Invert the custard onto the plate and carefully lift off ramekin (shake gently to release). Garnish with berries or fruit of your choice.



Finally... it's look like boiled milk... for the best idea..i think i should leave them to the bin .


Thursday, April 06, 2006

macaroni ron .. ron ja

after come back from shopping with mom.. feel hungry a lot
but dont know what i want to eat
turn left.. turn right in the kitchen... mmmm.. maybe dutch breakfast like my guy cooking for me... but... bored with it laew na si
look in refrigerator... see some vegetable.. and something... we called "khong lear...lear" (almost throw it away)
finally... decide to cook macaroni with khong lear...lear dee kwa
then... mix everything.. tomato , onion , salami , chicken , tub bod (thai) , egg , tomato sause and macaroni.... and put cheese on the top..
ummmm.... not much delicious but i can eat

Ummm...i forget what i cooking

i think... I cooked soup macaroni for both of us for lunch..(i think)
and the day after.... i cooked rice , fried eggs (in my style), spicy broccori with chicken and ham
i want to make some dessert .. but i cant find indegrate becoz.. they've only ducth in supermarket.... so.. i will try next time

Wednesday, April 05, 2006

third dish

umm.. not sure.. i think I cooking spicy fried rice
he said.. he want to eat again.. then i find something from Too-Yen
and then...cooking like first dish..
and i forgot again.. about Prik.. becoz Prik overhere too spicy
then..i put about 5 Priks.. ahhh.. Phet mak mak ka

second dish... Soup Vegetable

i cooked when i feel sick.. and soar throat
on saturday April 1st.. ahhh yes April Fool day
then i want to eat hot soup..
we stop at supermarket to buy something
and ... i start cooking when we arrive home
not that long time to cooking this food
it's look nice and... the taste is good
sure he said.. and i think ... also

first cooking

i cooking pat krapraw for first cooking overhere
he take me to buy bai krapraw , rice from Toko store
i use bacon then my dish very salty
and too spicy coz i put many prik
aaaarrrrrkkk..... i eat just a little.. coz not delicious for me
but.. he eat 2 dishes.. he said.. very delicious