Friday, September 15, 2006

Panna Cotta ..Thai Version

สูตรของแม่ปูฯ แห่ง pantip.com ห้องอาหารการกินค่ะ

Panna Cotta

ส่วนผสม
เฮฟวี่ครีม ๒ ถ้วย
น้ำตาล ๑/๒ ถ้วย
เกลือ ๑/๘ ช้อนชา
เจลาตินผง ๑ ซอง (๒ ๑/๔ ช้อนชา)
ผิวเลมอนสดขูดจากผลเลมอน ๑ ลูก
วานิลาแอ๊คแทรค ๑ ช้อนชา
ซาวครีม ๑/๒ ถ้วย(๔ ออนซ์)
เหล้ารัม ๑ ช้อนโต๊ะ

**เฮฟวี่ครีม บางทีแม่ปูก็ผสมนมกับครีมอย่างละส่วนก็ได้ค่ะ
**น้ำตาล ถ้าเกรงว่าจะหวานไปก็ลดลงเหลือ ๑/๓ ถ.แต่แม่ปูว่าพอดี
**เหล้ารัม หรือผิวส้ม ถ้าไม่มีไม่ใส่ก็ได้ค่ะ ถ้าใส่กลิ่นก็หอมเข้มดีค่ะ
**ถ้าไม่มีซาวครีม ใส่โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนได้ค่ะ

วิธีทำ Panna Cotta

๑. นำน้ำเย็นใส่ถ้วยเล็กๆ ค่อยๆเทผงเจลลาตินลงไปในน้ำเย็น พักไว้ประมาณ ๕ นาที
๒. ผสมครีม น้ำตาล เกลือ วานิลา ผิวเลมอน ใส่ลงไปในหม้อ
๓. นำหม้อครีมตั้งบนเตา เปิดไฟปานกลาง คนส่วนผสมครีมเป็นระยะๆ
๔. เมื่อส่วนผสมครีมร้อนจัดเริ่มจะเดือดก็ให้ยกหม้อลงจากเตา
ตอนนี้จะกรองเอาผิวเลมอนออกจากครีมซะก่อนก็ได้ค่ะ
๕. ใส่เหล้ารัม และเจลาติน ลงไปในหม้อครีม คนให้เจลาตินละลาย
๖. ค่อยๆเทส่วนผสมครีมลงในซาวครีม คนให้ส่วนผสมเข้ากัน

พิมพ์จะใช้ถ้วยซูเฟล่ หรือ พิมพ์พาสติกก็ได้ค่ะ ถ้าถ้วยพาสติก็ดูด้วยว่าทนความร้อนได้ขนาดไหน
ถ้าพิมพ์ทนความร้อนได้ดีก็เทครีมลงไปได้เลย ถ้าไม่ก็รอให้ครีมอุ่นขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเทลงไป
เมื่อเทใส่พิมพ์แล้วก็ปิดฝา หรือหาพลาสติกคลุม จึงนำเข้าตู้เย็น ปล่อยทิ้งให้แพนนา คอตต้า อยู่ตัวใช้เวลาประมาณ ๔-๖ ชั่วโมง ใครจะทำค้างคืนไว้ก็แล้วแต่สะดวกค่ะ ใส่แพนนา คอตต้าไว้ในตู้เย็นแล้ว ก็มาทำซ้อสกันค่ะ

วิธีทำซ้อส
วันนี้แม่ปูทำอย่างง่ายยยยสุดๆค่ะ พอดีหาซื้อราสเบอร์รี่สดไม่ได้ ก็เลยซื้ออย่างแช่แข็งมา ราคาถูกกว่าแบบสดตั้งเยอะ
ราคาถูกกว่ากัน ก็ยังแพงอยู่นาแม่ปูว่านา แหะๆ เลยซื้อ Raspberry Preserve มาเสริมด้วย อร่อยใช้ได้เชียวค่ะ
ใช้ Raspberry Preserve ทำซ้อส เราก็ไม่ต้องใส่น้ำตาลอีกแล้ว แค่ตัก Raspberry Preserve ใส่หม้อ
เทไวน์แดงลงไป เคี่ยวไปสักพัก ให้ Raspberry Preserve กับไวน์ละลายเข้ากัน แล้วก็เอามากรองเอาเม็ดออก
เทกลับใส่หม้ออีกครั้ง จากนั้นก็เทราสเบอร์รี่แช่แข็งลงไปใส่ซ้อส อุ่นให้ร้อนอีกสักแป๊บเดียวก็ยกลงเทใส่ภาชนะ
อย่าเคี่ยวนาน เดี๋ยวราสเบอร์รี่เละหมด เสร็จแล้ว เอาไว้ราดกับแพนนา คอตต้า สีสวยๆ อร่อยมาก กินจนลืมอ้วนเลยค่ะ
อยากจะบ้า อร่อยเหลือเกิน..

จดสัดส่วนให้สักหน่อยนะคะ

Raspberry Preserve ๑ ถ้วย ไวน์แดง ๑/๒ ถ้วย ราสเบอร์รี่สด หรือแช่แข็ง ปริมาณตามความพอใจ

ผสมสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน ตั้งไฟ คนให้Raspberry Preserve ละลายเข้ากันกับไวน์
จากนั้นใครจะนำไปราดแพนนา คอตต้า แล้ววางราสเบอร์รี่สดลงไปทานคู่กันก็ได้
ถ้าซื้อแช่แข็งมาก็ทำตามที่แม่ปูกล่าวไว้ข้างบนนะคะ

เวลาเอาแพนนา คอตต้าออกจากพิมพ์ ให้แซะขอบนิดนึง แล้วนำไปแช่ในน้ำร้อนสัก ๕ วินาที
ขนมจะละลายนิดนึงค่ะ แล้วรีบยกออก คว่ำใส่จานเสิร์ฟ ใครชอบเปล่าๆก็ทานเปล่าๆ
ใครชอบราดซ้อสก็ราดไปได้เลยตามชอบ ใครไม่อยากจัดใส่จานจะทานขณะขนมอยู่ในพิมพ์ก็ได้ ตามใจผู้ชอบก็แล้วกันนะ

*************************
2 สุตรดัดแปลงนี้ จำชื่อเจ้าของไม่ได้ค่ะ ต้องขออภัยนะคะ

Panna Cotta สูตรดัดแปลง 1

- วิปปิ้งครีม 2 ถ้วย (ใช้ครีมแท้ชนิดวิปปิ้งครีม ของโฟร์โมสต์ กล่องสีเหลือง)
- นม 1 ถ้วย ( เท่ากับนมกล่องขนาด 250 ml. 1 กล่องค่ะ นมโฟร์โมสต์)
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย ( แต่วันนี้น้ำตาลทรายหมด เลยต้องใช้น้ำตาลทรายแดงแทน )
- กลิ่นวนิลา 1/2 ช้อนชา- น้ำอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ- ผงเจลาติน 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ :
- นำวิปปิ้งครีม + นม + น้ำตาล + วนิลา มาใส่รวมกันในหม้อ นำไปตั้งไฟปานกลาง คนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย แล้วต้มต่อจนเดือด เสร็จแล้วปิดเตา ตั้งพักไว้ค่ะ
- นำเจลาตินกับน้ำอุ่นมาผสมกัน คนให้เจลาตินละลาย
- ตักครีมในหม้อมาใส่ในถ้วยเจลาตินทีละช้อน แล้วคนให้เข้ากัน สัก 3-4 ช้อนโต๊ะ( ขั้นตอนนี้ทำเพื่อให้เจลาตินกับตัวครีมเข้ากันดีค่ะ ^^ )
- เทเจลาตินที่ผสมแล้วลงไปในหม้อครีม
- เทส่วนผสมที่ได้ลงพิมพ์ตามใจชอบค่ะ แต่เราไม่มี ก็เลยเอาใส่ถ้วยเล็กใสๆ แทน
- นำไปแช่ตู้เย็นไว้ 4-6 ชั่วโมงค่ะ

ต่อไปเป็นส่วนผสมของ Strawberry Coulis ค่ะ :
- สตรอเบอร์รี่สด 500 กรัม ล้างให้สะอาดพักไว้ให้แห้ง แล้วหั่นลูกนึงเป็นสี่ส่วน
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย- น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย

วิธีทำ :
- นำสตรอเบอรี่ + น้ำตาล + น้ำเปล่า ใส่ในหม้อแล้วนำไปตั้งไฟปานกลาง
- ต้มไปเรื่อย ๆ จนกว่าสตรอเบอรี่จะเปื่อยตามต้องการ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
- เสร็จแล้วยกออกจากเตา ตั้งไว้ให้เย็นลง นำไปแช่ตู้เย็นเก็บไว้ราดหน้าขนมตอนเสิร์ฟ
จากนั้นเราก็ไปนอนระทึกใจ 1 คืน รอดูผลตอนเช้าค่ะ แหะๆ


Panna Cotta สูตรดัดแปลง 2

ส่วนผสม
เนื้อครีม (adapted from Joanne Weir's)

1. น้ำเปล่า(เย็น) 2 ช้อนโต๊ะ
2. ครีมหนัก 1 1/2 ถ้วย
3. นมสด 1/2 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือ นิดหน่อย (คือใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งจีบเข้าหากันแล้วหยิบขึ้นมาสักหน่อย)
6. วานิลลา ประมาณ 1 ช้อนชาค่ะ (สูตรเดิมใช้เป็นวานิลลาแบบฝัก 2 ฝักค่ะ)
7. ผงเจลาติน 2 1/4 ช้อนชา (สูตรเดิมใช้ 1 3/4 ค่ะ)

ซอสเยลลี่
1. ผลไม้กระป๋อง ประมาณ 1 กระป๋องเล็ก
2. ผงเยลลี่สตรอเบอร์รี่สำเร็จรูป 1/2 กล่อง
3. น้ำเปล่า 2 ถ้วย

อุปกรณ์หม้อหรือกะทะ แนะนำให้ใช้แบบเคลือบหรือเทปล่อน

วิธีทำเนื้อครีม
1. นำผงเจลาตินละลายในน้ำเย็น คนจนเข้ากัน ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีผงเจลาตินจะดูดน้ำจนข้นเหนียว
2. ใส่นม ครีม น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ เกลือและวานิลลาลงไปในหม้อ คนเล็กน้อยแล้วนำไปตั้งไฟค่อนข้างแรงจนเริ่มมีฟองเดือดผุดขึ้นตามขอบ ลดเป็นไฟเกือบอ่อน(ถ้าเตาของใครไฟไม่แรงก็ให้ใช้ไฟปานกลาง) ต้มให้เดือดต่อไปอีก 1 นาที ระหว่างนี้ให้คอยคนส่วนผสมตลอด
3. ยกส่วนผสมลงจากเตา ค่อยๆผสมน้ำตาลอีก 1 ช้อนโต๊ะที่เหลือและเจลาตินลงไป คนให้เข้ากัน
4. ตั้งทิ้งไว้ให้หายร้อน นำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 30 นาที (เปลี่ยนภาชนะใส่ได้) สำหรับพิมพ์ใส่ขนมถ้าอยากให้ถอดขนมออกง่ายๆให้นำไปผ่านน้ำ จับวางคว่ำลงบนถาดแล้วนำเข้าตู้เย็นเช่นกัน (อย่างไรก็ดี ผู้เขียนไม่เคยทำสำเร็จตามที่เขาแนะนำมา จึงแก้ปัญหาโดยการใช้พิมพ์แบบตักทานเลย)
5. นำส่วนผสมออกมาแล้วตักใส่พิมพ์ ใช้เวลา 3-5 ชั่วโมงก็จะแข็งตัวพอดี "ห้ามเอาเข้าช่องแช่แข็งเด็ดขาด" เพราะจะทำให้เนื้อครีมกลายเป็นไอสครีมหวานเย็นไป

วิธีทำซอสเยลลี่
1. นำผงเยลลี่และน้ำ(ร้อนหรืออุ่น)ใส่ลงไปในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลาง
2. เมื่อเยลลี่ละลายดีแล้ว ใส่ผลไม้กระป๋องลงไปโดยใส่น้ำเชื่อมลงไปด้วย ตั้งไฟต่ออีกประมาณ 5 นาที
3. ยกลงจากเตา พอหายร้อนให้เทเยลลี่ใส่ภาชนะสำหรับเก็บ "ห้ามเอาเข้าตู้เย็นเด็ดขาด" (เยลลี่จะมีลักษณะค่อนข้างเหลวมาก ไม่ต้องตกใจ)

วิธีเสิร์ฟนำซอสเยลลี่เข้าตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 15 นาที แล้วตักราดลงบนแปนนาคอตต้า ความเย็นของเนื้อขนมจะช่วยทำให้ซอสเหลวๆข้นขึ้นมาอาจเสิร์ฟพร้อมกับครีมสดหรือผลไม้สดก็ได้ค่ะ

****พิเศษสำหรับคนที่กำลังลดน้ำตาลหรือกลัวอ้วน****
สามารถใช้น้ำตาลเทียมแทนน้ำตาลจริงๆได้ค่ะ ที่เราเคยทำคือใช้ประมาณ 2 ซอง เวลาใส่ให้ใส่หลังจากนำส่วนผสมลงจากเตาแล้ว ใส่ไปพร้อมกับพวกเจลาตินน่ะค่ะ (เพราะน้ำตาลเทียมตั้งไฟไม่ได้นะ จะกลายเป็นของขมๆไปเลย)

****ถ้าใครอยากลองทำรสอื่นๆดูก็ได้นะคะ เราเคยลองทำรสโกโก้ดู ใช้โอวัลติน/ไมโลประมาณ 4 ช้อนทานข้าวโตๆ กับผงโกโก้อีกนิดหน่อย แต่ยังไม่ได้สูตรตายตัวนะคะ ใครอยากทำก็ลองปรับเอาเองละกันค่ะ****

0 Comments:

Post a Comment

<< Home